วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บทความเกี่ยวกับ การสอนเรื่องเพศให้แก่ลูกน้อย



มีใครเคยเจอคำถามแบบนี้บ้างมั้ยคะ แล้วคุณพ่อคุณแม่ตอบลูกว่าอย่างไรกันบ้างเอ่ย วันนี้ป่านมีบทความและข้อแนะนำในการตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องเพศ มาให้คุณพ่อคุณแม่ได้ลองอ่านกันนะคะ


พฤติกรรมเด็กวัย 3-6 ขวบ..หนูเกิดมาทางไหน
บทความวิชาการ..โดย พ.ญ. วินัดดา ปิยะศิลป์

วัย 3 – 5 ปี จะเป็นช่วงที่เด็กสนใจในเรื่องเพศได้บ่อย โดยแสดงออกมาอย่างเปิดเผย จะคอยซักถามว่าแม่คลอดหนูมาอย่างไร หนูเกิดมาทาไหน ทำไมหนูถึงไม่เหมือนพี่ชาย ฯลฯ สิ่งต่าง ๆ ที่เด็กสนใจเป็นเรื่องธรรมชาติ ถ้าพ่อแม่ตอบสิ่งที่เด็กอยากรู้ง่าย ๆ ตรงไปตรงมา เท่าที่เด็กวัยนี้ควรจะรู้ คนสนใจของเด็กก็จะได้รับการตอบสนอง สุดท้ายก็จะเปลี่ยนความสนใจ ไปยังสิ่งอื่น ๆ ที่เข้ามาในชีวิต

พฤติกรรมของเด็กที่ให้ความสนใจในเรื่องเพศมากว่า หรือเล่นอวัยวะเพศของตนเอง ที่ผู้ใหญ่ควรเข้าไปขัดขวาง 

1. กระทำบ่อย ๆ จนไปขัดกับพัฒนาการในด้านอื่น หรือทำให้หมกมุ่นไม่สนใจสิ่งอื่น ๆ
2. ขาดกาลเทศะ ทำไปทุกที่ ขาดการยับยั้งตัวเอง
3. กระทำติดต่อกันนานเกิน 2 สัปดาห์ ไม่มีท่าทีที่จะเลิก
4. รุนแรง จนอาจเกิดอันตรายต่อเด็ก

สาเหตุที่เด็กวัยอนุบาลสนใจเรื่องเพศมาก 

1. เป็นธรรมชาติ เป็นการเรียนรู้ตามวัย
2. ได้รับสิ่งกระตุ้นความรู้สึก เช่น การทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศที่เกินสมควร ได้เห็นภาพที่ไม่เหมาะสม ฯลฯ
3. ถูกล่วงเกินทางเพศ
4. ถูกทิ้งไว้คนเดียวนาน ๆ จนเด็กมีเวลาสำรวจตัวเอง เมื่อค้นพบความรู้สึกที่แปลกออกไปจะติดใจ

วิธีการช่วยเหลือ 

1. ลดสิ่งกระตุ้นความรู้สึกทางเพศทั้งหมด
2. สังเกตและป้องกันอันตรายแก้เด็ก ผู้ที่ล่วงเกินเด็กและอยู่ใกล้ชิดกับเด็ก ถ้ากระทำไม่รุนแรงกับเด็กมากนัก จะทำให้เด็กไม่กลัว ทำให้พ่อแม่จับสังเกตได้ยาก
3. เพิ่มคุณภาพการเล่นและการออกกำลังกาย เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
4. อย่าปล่อยให้เด็กอยู่คนเดียวนาน ๆ ให้ความใกล้ชิด แต่อย่าคอยทักพฤติกรรมที่เด็กทำ พยายามชี้ชวนเบี่ยงเบนความสนใจ

‘เรียนรู้เรื่องเพศในแต่ละช่วงอายุ
 โดย นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์
จากรายการปัญหาชีวิตและสุขภาพ แพร่ภาพทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2549 นำเสนอเรื่อง “วัยรุ่นกับเพศสัมพันธ์” ทำให้สังคมตระหนักชัดว่า สังคมประเทศไทยนี้มีปัญหาเรื่องการร่วมเพศก่อนวัยอันควร ไม่รู้จักป้องกันการตั้งครรภ์ ทำให้มีบุตรนอกสมรส ขาดผู้รับผิดชอบและความรับผิดชอบต่อเด็กในครรภ์และเด็กที่จะเกิดมาส่งผลตามมาอีกมากมาย
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ ศูนย์สร้างเสริมสุขภาพวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาล   รามาธิบดี สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้คำแนะนำในเรื่องนี้ดังนี้
การสอนเพศศึกษาในแต่ละช่วงอายุ
กุมารแพทย์ควรจะมีบทบาทในการสอนเพศศึกษาแก่พ่อแม่ และเด็กตั้งแต่เล็กในคลินิกตรวจสุขภาพซึ่งควรจะขยายเป็นทุกอายุจนถึงวัยรุ่น เนื้อหาที่จะสอนหรือให้ความรู้ในแต่ละด้าน ควรให้เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กแต่ละวัย จำแนกออก เป็นช่วงเด็กเล็กหรืออนุบาล (3-5 ขวบ), ประถมตอนต้น (6-8 ขวบ), ประถมตอนปลาย (9-11 ขวบ), มัธยมต้น (12-14 ปี) และมัธยมปลาย รวม ปวช. (15-17 ปี)

เมื่อลูกอายุ 0-3 ขวบ : เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้ผิดเพศ
พัฒนาการของเด็กวัยนี้เรียนรู้ที่จะรู้จักความ รัก ความผูกพัน และสร้างความไว้วางใจแม่ ผ่านพฤติกรรมแม่ (การมอง พูด คุย อุ้ม สัมผัส สีหน้าแววตา) ที่คอยตอบสนองอย่างพอเหมาะต่อความต้องการพื้นฐานของเด็ก เริ่มเรียนรู้ที่จะดุว่าใครรักหรือไม่รัก และเด็กเริ่มที่จะต้องการช่วยตัวเองใน เรื่องกิจวัตรประจำวัน เช่น การรับประทานอาหารด้วยตนเอง อยากช่วยพ่อแม่ทำกิจกรรมงานบ้าน แต่ ไม่สามารถทำได้ เป็นการเพิ่มภาระให้แม่มากกว่า

บทบาทพ่อแม่ในการเลี้ยงลูกวัยนี้ควรให้ความรักและตอบสนองลูกอย่างพอเหมาะและสม่ำเสมอ เพื่อให้ลูกไว้วางใจพ่อแม่ และสนับสนุนให้ เด็กได้ช่วยตัวเอง เรื่องการรับประทานอาหารและงานที่ลูกอยากทำ แม้ว่าจะทำได้ไม่ดีนักก็ตาม ตลอด จนการเลี้ยงลูกให้ตรงตามเพศของเด็ก เพื่อให้เด็กสามารถแยกเพศได้โดยเรียนรู้เพื่อรู้จักเพศของตนเอง และรู้จักเพศตรงข้าม เพราะถ้าเลยอายุนี้ เด็กยังไม่รู้ว่าตนเป็นเพศใด อาจทำให้เด็กมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศได้เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น

การสอนเด็กวัยอนุบาล (3-5 ขวบ)
พัฒนาการทางเพศ
เด็กจะเริ่มเรียนรู้ความแตกต่างทางสรีระภายนอกระหว่างเด็กหญิงและเด็กชาย สำหรับพ่อแม่การตอบคำถามลูก ควรใช้วิธีคุยมากกว่าตอบ อย่างเดียว โดยมีหลัก 4 ประการ ในการพูดคุยกับลูกดังนี้
1. ไม่ดุว่าลูกเมื่อลูกถามเรื่องเพศ เพื่อให้ลูกรู้สึกว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องปกติที่สามารถถามและพูดคุยกับพ่อแม่ได้
2. ตอบคำถามของเขาด้วยกิริยาท่าทางปกติ เหมือนอธิบายเรื่องทั่ว ๆ ไป
3. ใช้คำพูดและเหตุผลง่าย ๆ ตามความเป็นจริง ไม่หลอกหรือขู่
4. ตั้งใจฟังและให้เวลาแก่ลูก
5. ใช้การพูดคุยมากกว่าตอบคำถามอย่างเดียวและการตอบควรตอบตรงไปตรงมา ใช้คำพูดง่าย ๆ สั้น ๆ เช่น

ถาม ทำไมนมหนูเล็ก นมคุณแม่ใหญ่
ตอบ ตอนนี้หนูยังเล็ก มือก็เล็ก เท้าก็เล็ก นมก็เล็ก เล็กไปทุก ๆ ส่วน เมื่อหนูโตขึ้น อวัยวะทุก อย่างก็ค่อย ๆ โตตามด้วย ดังนั้น เมื่อหนูโตเท่าแม่ นมหนูก็จะโตเหมือนแม่

ถาม หนูเกิดมาจากไหน
ตอบ หนูเกิดจากท้องแม่

ถาม แล้วหนูออกมาได้อย่างไร
ตอบ เป็นคำถามที่ยากขึ้นแต่เด็กไม่ได้สนใจว่า เขาออกมาจากช่องไหน ดังนั้น ควรใช้คำตอบกลาง ๆ ว่า “หมอช่วยลูกออกมา ลูกถึงได้แข็งแรงและน่ารัก แบบนี้”

การสอนเด็กปฐมวัย 6-8 ขวบ  
1. พัฒนาการทางเพศ เด็กจะเริ่มเรียนรู้ความแตกต่างระหว่างหญิงและชายในด้านบทบาททางสังคม

เด็กวัย 6-8 ขวบ ร่างกายกำลังเจริญเติบโต มีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ด้วยตนเอง ชอบซักถาม ชอบลองทำในสิ่งที่ท้าทายความ สามารถ ต้องการเพื่อน ชอบแข่งขัน ชอบเล่นเป็นกลุ่ม ชอบแสดงออกในรูปแบบต่าง ๆ ต้องการให้คนสนใจ ชอบคนยกย่องชมเชย และต้องการการยอมรับจากครูและเพื่อน แต่ยังต้องการความสนับสนุนจากพ่อแม่ ทั้งด้านการเรียน การเล่น การเข้าสังคม การปรับตัว การควบคุมอารมณ์ และการสร้าง จริยธรรม

เด็กจะมีการเล่นโดยแยกเพศ เด็กจะรวมกลุ่มในเพศเดียวกัน ความสัมพันธ์กับเพศเดียวกันนี้ ช่วยเน้นเอกลักษณ์ทางเพศของเด็ก เด็กผู้ชายสนใจการเล่นที่ใช้แรง ให้ความสนใจในการเข้าสังคม น้อยกว่าเด็กผู้หญิงซึ่งชอบอยู่รวมกลุ่มกัน ชอบเล่นเกมที่ใช้แรงน้อย และให้ความสนใจในการเข้าสังคม การที่แยกกลุ่มจะทำให้เด็กแต่ละเพศเริ่มเรียนรู้พฤติกรรมเฉพาะเพศจากเพื่อน ๆ
เมื่อผ่านวัยที่แล้วมาเด็กจะมีความรู้สึกว่าตนเป็นเพศใด และเริ่มบทบาทที่เหมาะสมกับเพศของตน และรู้จักพัฒนาตนเองให้เข้ากับเพื่อนเพศเดียวกัน โดยสามารถสนใจ มีกิจกรรมรวมทั้งมีความ คิดฝันทางเพศร่วมกับเพื่อนได้ กิจกรรมทางเพศของเด็กในวัยนี้คือ เขาจะมีการเล่นสมมุติ โดยแสดง เป็นพ่อแม่หรือสามีภรรยาในหมู่เพื่อน

เด็กวัยนี้ถูกแนะนำเข้ามาในโลกทางเพศของผู้ใหญ่โดยหนังสือนวนิยาย ภาพยนตร์ โทรทัศน์ และการสังเกตสิ่งแวดล้อมประจำวันรอบ ๆ ตัว ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องเพศจะค่อยเกิดขึ้นภายในจิตใจ เด็กจะเรียนรู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี อะไรถูก อะไรผิด มีการใช้ dirty word dirty action เพิ่มมากขึ้น ความรู้ที่ได้มาคล้ายกับการต่อภาพจิ๊กซอว์ คือ เด็กจะค้นพบความเป็นจริงไปทีละเล็กทีละน้อย
เป็นช่วงที่มีความสำคัญในการสอนทักษะ การใช้ชีวิต 12 องค์ประกอบ คือ มีความคิดวิเคราะห์ วิจารณ์ สำรวจความคิดสร้างสรรค์ สร้างสัมพันธภาพ กับผู้อื่นได้ มีการสื่อสารที่ดี ตัดสินใจด้วยเหตุผลมากกว่าใช้อารมณ์แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า มีความสามารถจัดการกับอารมณ์และความเครียด ประกอบกับรู้จักตนเอง ภูมิใจในตนเอง มีวินัยและมีความรับผิดชอบ มีความเห็นใจผู้อื่น และรู้จักรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาจะเป็นภูมิคุ้มกันให้เด็กเข้มแข็ง ดูแลตนเอง พอใจในเพศของตนเอง ปรับตัวและพึ่งพาตนเองได้ในที่สุด
การเลี้ยงลูกในวัยนี้ จะเหมือนกับช่วงวัย 3-5 ขวบ แต่ควรเน้นเรื่องวินัยและความรับผิดชอบ มอบหมายให้ทำ ฝึกในการเล่น เพื่อเพิ่มทักษะ และความสำเร็จ เน้นคุณภาพในการสื่อสารระหว่างพ่อแม่ลูก ฝึกให้เด็กหัดตัดสินใจด้วยเหตุผล และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเอง ตั้งแต่งานง่าย ๆ ไปสู่งานที่ยาก ฝึกทักษะด้านต่าง ๆ ให้ลูก เพื่อให้เด็กมีความรับผิดชอบ เป็นตัวของตัวเอง มีความนับถือตนเอง เชื่อมั่นในตนเอง ในขอบเขตที่เหมาะสม รับรู้คุณค่าของตนเองและผู้อื่น มีความสุขและมีสังคมเพิ่มขึ้น
2.  สุขอนามัยทางเพศ การดูแลรักษาความสะอาด, การทำความสะอาดหลังการขับถ่าย, การสังเกตความผิดปกติของอวัยวะเพศ/อุบัติเหตุจากการเล่น

3.  พฤติกรรมทางเพศ เรื่องเพศเป็นเรื่องส่วนตัว (การปกปิดร่างกาย, การพูดคำหยาบ, การเคารพสิทธิในร่างกายของผู้อื่น, การแต่งกายให้เหมาะสมกับเพศ)
* กรณีลูกเอาหนังสือโป๊มาดู
ก่อนอื่นพ่อแม่ต้องเข้าใจธรรมชาติ ความ อยากรู้อยากเห็นของเด็กไม่ควรตำหนิหรือดุว่า แต่ควรจะสอนหรือแนะนำให้เด็กรู้จักเลือกสื่อเพื่อการศึกษา ไม่ใช่สื่อเพื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ และ น่าจะถือเป็นเวลาที่เหมาะสมในการอธิบายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจจากวัยเด็กเป็นผู้ใหญ่ หรือการให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาในด้านต่าง ๆ เพราะเด็กให้ความสนใจและมีความอยากรู้ การที่เด็กได้รับความรู้จากพ่อแม่หรือครูไม่เพียงพอ เด็กก็จะแสวงหาเอง ซึ่งอาจจะรับสื่อที่ไม่เหมาะสมส่งผลให้เด็กมีความรู้และทัศนคติตลอดจนพฤติกรรม ที่ไม่ถูกต้องได้.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น